ReutersReuters

USA:สหรัฐเผยอัตราเงินเฟ้อ PCE เร่งตัวขึ้นสู่ 2.3% ในต.ค.,คาดกระทบเฟด

วอชิงตัน--28 พ.ย.--รอยเตอร์

  • สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจ (BEA) ในกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานในวันพุธว่า ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐปรับขึ้น 0.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี PCE แบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มักใช้ดัชนี PCE เป็นมาตรวัดภาวะเงินเฟ้อ และรายงานนี้ก็บ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อลดลงได้ยาก และความคืบหน้าในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะหยุดชะงักลง ทั้งนี้ ดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ปรับขึ้น 0.3% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากปรับขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนี PCE พื้นฐานแบบเทียบรายปีปรับขึ้น 2.8% ในเดือนต.ค. หลังจากปรับขึ้น 2.7% ในเดือนก.ย.เมื่อเทียบรายปี โดยดัชนี PCE พื้นฐานได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นของราคาในภาคบริการ โดยเฉพาะในภาคที่อยู่อาศัยกับสาธารณูปโภค, ภาคการขนส่ง และภาคบริการทางการเงินกับการประกัน แต่ราคาสินค้าปรับลดลง

  • กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคสหรัฐ ซึ่งครองสัดส่วนสูงกว่าสองในสามของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐ ปรับขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนก.ย. และเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ในโพลล์รอยเตอร์ที่ +0.3% สำหรับเดือนต.ค. โดยการปรับขึ้นสูงเกินคาดในครั้งนี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงต้นไตรมาสสี่ ทางด้านเฟดสาขาแอตแลนตาคาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐอาจเติบโต 2.7% ในไตรมาสสี่ หลังจากเติบโต 2.8% ในไตรมาสสาม ทั้งนี้ ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในแบบที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. และบ่งชี้ว่าปริมาณการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคอาจปรับขึ้น 2.5% ในไตรมาสสี่เมื่อเทียบเป็นตัวเลขเต็มปี (annualized) หลังจากปรับขึ้น 3.5% ในไตรมาสสาม โดยปริมาณการจับจ่ายใช้สอยได้รับแรงหนุนจากยอดการปลดพนักงานออกที่ระดับต่ำ และจากฐานะการเงินที่แข็งแกร่งในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นผลมาจากการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้น และจากราคาบ้านที่ระดับสูง

  • ปริมาณการจับจ่ายใช้สอยได้รับแรงหนุนส่วนใหญ่มาจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในภาคบริการ ซึ่งรวมถึงภาคการแพทย์, ภาคที่อยู่อาศัยกับสาธารณูปโภค, ภาคบริการทางการเงินกับการประกัน, ภาคโรงแรมและการรับประทานอาหารนอกบ้าน, ภาคการขนส่ง และภาคนันทนาการ โดยรายจ่ายในภาคบริการพุ่งขึ้น 0.5% ในเดือนต.ค. ทั้งนี้ รายจ่ายในภาคสินค้าทรงตัวในเดือนต.ค. ในขณะที่รายจ่ายในยานยนต์เพิ่มสูงขึ้น แต่รายจ่ายที่ปั๊มน้ำมันดิ่งลง โดยเป็นผลจากการร่วงลงของราคาน้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ รายจ่ายก็ลดลงในส่วนของเสื้อผ้า, เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ภายในบ้านด้วย

  • อัตราการออมเงินพุ่งขึ้นสู่ 4.4% ในเดือนต.ค. จาก 4.1% ในเดือนก.ย. ส่วนรายได้ของชาวสหรัฐพุ่งขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากค่าแรงที่ทะยานขึ้น 0.5% ทางด้านรายได้สุทธิของภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อและภาษี ปรับขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. หลังจากขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ฤดูการช้อปปิ้งในสหรัฐในช่วงปลายปีนี้จะมีความคึกคัก โดยบริษัทอะโดบี อะนาลิติกส์รายงานว่า ในช่วง 24 วันแรกของเดือนพ.ย.นั้น ผู้บริโภคสหรัฐใช้เงินจับจ่ายซื้อสินค้าออนไลน์ไปแล้ว  7.74 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยพุ่งขึ้น 9.6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน

  • นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศในวันจันทร์ว่า เขาจะเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าทั้งหมดที่มาจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันแรกที่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี และจะเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากสินค้าจีน โดยเขาอ้างว่ามาตรการนี้เป็นการตอบโต้การค้ายาผิดกฎหมายและการปล่อยให้ผู้อพยพเข้าสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโกลด์แมน แซคส์ประเมินว่า มาตรการเก็บภาษีนำเข้านี้จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของ PCE พุ่งสูงขึ้นอีก 0.9% ทั้งนี้ การที่อัตราเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% ในเดือนต.ค. และแนวโน้มที่สหรัฐจะปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้า ถือเป็นสองปัจจัยสำคัญที่อาจจะจำกัดโอกาสสำหรับเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีหน้า โดยแคธี บอสท์ยานซิค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทเนชันไวด์กล่าวว่า "เราคาดว่าเฟดจะหยุดพักจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราวในช่วงต้นปี 2025 เพื่อจะได้ประเมินการปรับเปลี่ยนนโยบายต่าง ๆ เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นสมัยที่สอง"--จบ--

Eikon source text

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

Log masuk atau cipta satu akaun percuma selamanya untuk membaca berita ini

Lebih berita dari Reuters

Lebih berita