ReutersReuters

MORNING BRIEF:สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--รอยเตอร์

  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในวันพุธ หลังจากปิดตลาดในแดนลบมานานติดต่อกัน 3 วัน ในขณะที่นักลงทุนพยายามประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรอดูนโยบายต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ โดยในตอนนี้นักลงทุนคาดว่า มีโอกาส 53.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. โดยปรับลดลงจากโอกาส 82.5% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน และนักลงทุนยังคาดการณ์ในตอนนี้อีกด้วยว่า มีโอกาส 46.8% ที่เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 4.50-4.75% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. และนักลงทุนคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมกันเพียง 0.73% ตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นปี 2025 ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ในโพลล์รอยเตอร์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดการคาดการณ์เรื่องแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเมื่อเทียบกับที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน โดยเป็นผลจากความเสี่ยงที่นโยบายของนายทรัมป์อาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับสูงขึ้น โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ในตอนนี้ว่า อัตราดอกเบี้ย fed funds จะอยู่ที่ 3.50%-3.75% ในช่วงสิ้นปี 2025 ซึ่งสูงกว่าระดับ 3.00%-3.25% ที่เคยคาดไว้เมื่อหนึ่งเดือนก่อน Eikon source text

    ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินอยู่ที่ 106.61 ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยแข็งค่าขึ้นจาก 106.13 ในช่วงท้ายตลาดวันอังคาร

    ดอลลาร์/เยนอยู่ที่ 155.43 เยนในช่วงท้ายตลาดวันพุธ โดยพุ่งขึ้นจากระดับปิดตลาดวันอังคารที่ 154.65 เยน หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 156.74 เยนในวันศุกร์ที่ 15 พ.ย. ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค.

    ยูโร/ดอลลาร์อยู่ที่ 1.0543 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันพุธ โดยร่วงลงจาก 1.0595 ดอลลาร์ในช่วงท้ายวันอังคาร

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกขึ้นในวันพุธ แต่ดัชนี S&P 500 ปิดทรงตัว และดัชนี Nasdaq ปิดปรับลงในวันพุธ ในขณะที่นักลงทุนกังวลกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน หลังจากมีข่าวว่า ยูเครนได้ยิงขีปนาวุธ ATACMS ที่ผลิตในสหรัฐเข้าไปในรัสเซียในวันอังคาร และยูเครนได้ยิงขีปนาวุธพิสัยไกล "บริติช สตอร์ม ชาโดว์" เข้าไปในรัสเซียด้วย ทางด้านรัฐบาลรัสเซียได้ประกาศปรับลดเงื่อนไขในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ อย่างไรก็ดี นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมาว่า รัสเซียจะ "ทำทุกสิ่งที่ทำได้" เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามนิวเคลียร์ นอกจากนี้ ดัชนี VIX ที่ใช้วัดระดับความกังวลในตลาดหุ้นสหรัฐก็พุ่งขึ้นแตะ 18.79 ในระหว่างวัน ก่อนจะลดลงสู่ระดับ 17.24 ในเวลาต่อมา แต่ก็ยังคงเคลื่อนตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดนับตั้งแต่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย. ทั้งนี้ หุ้นบริษัททาร์เก็ต ซึ่งถือเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ดิ่งลง 21.4% หลังจากทาร์เก็ตคาดการณ์ยอดขายและผลกำไรสำหรับไตรมาสวันหยุดปลายปีในระดับที่ต่ำเกินคาด และทาร์เก็ตรายงานว่า ผลกำไรไตรมาสสามอยู่ที่ 1.85 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 2.30 ดอลลาร์ต่อหุ้น ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของสหรัฐร่วงลง 0.57% และถือเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มใหญ่ที่ร่วงลงมากที่สุดในสหรัฐในวันพุธ ทางด้านหุ้นกลุ่มเติบโตปรับลงด้วยเช่นกัน ซึ่งรวมถึงหุ้นเทสลาที่ดิ่งลง 1.15% และหุ้นอะเมซอนดอทคอมที่ร่วงลง 0.85% นอกจากนี้ หุ้นเอ็นวิเดียก็ร่วงลง 0.76% ในวันพุธ ก่อนที่เอ็นวิเดียจะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสหลังจากตลาดปิดทำการในวันพุธ โดยการร่วงลงของหุ้นเอ็นวิเดียมีส่วนกดดันให้ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ของสหรัฐปิดปรับลง 0.23% ในวันพุธ Eikon source text

    ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวกขึ้น 0.32% สู่ 43,408.47

    ดัชนี S&P 500 ปิดขยับขึ้น 0.13 จุด หรือ 0.00% สู่ 5,917.11

    ดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 0.11% สู่ 18,966.14

  • ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ร่วงลงในวันพุธ โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบและน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐพุ่งขึ้นสูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานในวันพุธว่า สต็อกน้ำมันดิบในคลังสหรัฐเพิ่มขึ้น 545,000 บาร์เรล สู่ 430.3 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 15 พ.ย. ในขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดว่า สต็อกน้ำมันดิบอาจปรับขึ้นเพียง 138,000 บาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินในคลังสหรัฐทะยานขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล สู่ 208.9 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี สต็อกน้ำมัน Distillate ในคลังสหรัฐ ซึ่งครอบคลุมน้ำมันดีเซลและน้ำมัน heating oil ปรับลดลง 100,000 บาร์เรล สู่ 114.3 ล้านบาร์เรล ทางด้านอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันในสหรัฐดิ่งลง 1.2% สู่ 90.2% ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิ่งลงไม่มากนักในวันพุธ เพราะว่าราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นในช่วงนี้ Eikon source text

    ราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 52 เซนต์ หรือ 0.75% มาปิดตลาดที่ 68.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยสัญญาเดือนธ.ค.ครบกำหนดส่งมอบในช่วงปิดตลาดวันพุธ ส่วนราคาน้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบเดือนม.ค.ร่วงลง 49 เซนต์ หรือ 0.71% มาปิดตลาดที่ 68.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ที่ตลาดกรุงลอนดอนร่วงลง 50 เซนต์ หรือ 0.68% มาปิดตลาดที่ 72.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

  • ราคาทองสปอตที่ตลาดสหรัฐปรับขึ้น 18.37 ดอลลาร์ หรือ 0.70% สู่ 2,650.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงท้ายตลาดวันพุธ หลังจากพุ่งขึ้นแตะ 2,655.31 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. โดยราคาทองปรับขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลเรื่องสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น Eikon source text

--จบ--

(รอยเตอร์ โดย จิตร โพธิ์แก้ว แปลและเรียบเรียง)

((jit.phokaew@thomsonreuters.com; โทร 08-7689-6043;

Log masuk atau cipta satu akaun percuma selamanya untuk membaca berita ini

Lebih berita dari Reuters

Lebih berita